ตอบ 3.
อธิบายข้อสอบ แต่ละเซลล์มีองค์ประกอบและดำรง ชีวิตได้ด้วยตัวของมันเอง โดยการนำสารอาหารเข้าไปในเซลล์และเปลี่ยนสารอาหารให้กลายเป็นพลังงานเพื่อ การดำรงชีวิตและการสืบพันธุ์ เซลล์มีความสามารถหลายอย่างดังนี้:
* เพิ่มจำนวนโดยการแบ่งเซลล์
* เมแทบอลิซึมของ เซลล์ (cell metabolism) ประกอบด้วย การลำเลียงวัตถุดิบเข้าเซลล์, การสร้างส่วนประกอบของเซลล์, การสร้างพลังงานและโมเลกุล และ ปล่อยผลิตภัณฑ์ออก มา การทำงานของเซลล์ขึ้นกับความสามารถในการสกัดและใช้พลังงานเคมีที่สะสมใน โมเลกุลของสารอินทรีย์ พลังงานเหล่านี้จะได้จากวิถีเมแทบอลิซึม (metabolic pathway)
* การ สังเคราะห์โปรตีนเพื่อใช้ในระบบการทำงานของเซลล์ เช่น เอนไซม์ โดย เฉพาะเซลล์ของสัตว์ เลี้ยงลูกด้วยนมจะมีโปรตีนต่าง ๆ ถึง 10,000 ชนิด
* ตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นทั้งภายนอกและภายใน เช่น การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ pH หรือระดับอาหาร.
* การขนส่งของเวสิเคิล (vesicle)
ที่มา : http://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_detail.php?mul_content_id=9703
ตอบ 4.
อธิบายข้อสอบ ในสภาพที่ร่างกายสูญเสียน้ำมากเกินไปหรือร่างกายขาดน้ำจะมีผลทำให้น้ำในเลือดน้อยหรือแรงดันออสโมติกของเลือดสูง(เลือดมีความเข้มข้นสูง) เลือดที่มีแรงดันออสโมติกสูงนี้เมื่อผ่านเข้าไปที่ไฮโปทาลามัส จะไปกระตุ้นต่อมใต้สมองส่วนท้ายให้หลั่งฮอร์โมน ADH หรือฮอร์โมนแอนติไดยูเรติก(antidiuretic hormone) เข้าสู่กระแสเลือด แล้วไปกระตุ้นท่อของหน่วยไตให้ดูดน้ำกลับคืนเข้าสู่กระแสเลือดทำให้ปริมาณของน้ำในเลือดสูงขึ้น และร่างกายมีการขับถ่ายน้ำปัสสาวะลดลงและเข้มข้นขึ้น
ในทางตรงข้าม ถ้าเลือดมีปริมาณน้ำมากหรือแรงดันออสโมติกของเลือดต่ำ (เลือดมีความเข้มข้นต่ำ) จะไปยับยั้งการหลั่งฮอร์โมน ADH ออกมา ท่อของหน่วยไตและท่อรวมจะดูดน้ำกลับคืนน้อยลง ปริมาณน้ำปัสสาวะย่อมมีมากขึ้น ร่างกายจึงขับถ่ายปัสสาวะมากและเจือจางนอกจากนี้ร่างกายมีกลไกที่จะลดการสูญเสียน้ำด้วยกระบวนการดูดกลับที่ท่อของหน่วยไตและมีกลไกที่จะกระตุ้นให้ร่างกายเกิดความต้องการน้ำเพื่อรักษาสมดุลของน้ำในร่างกายโดยเมื่อร่างกายมีการสูญเสียน้ำออกจากร่างกายมากๆและภาวะขาดน้ำของร่างกายจะไปกระตุ้นศูนย์ควบคุมการกระหายน้ำที่ไฮโพทาลามัส ซึ่งทำให้เิกิดความรู้สึกหรืออาการกระหายน้ำขึ้นมาความรู้สึกกระหายน้ำจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ตราบเท่าที่ร่างกายยังมีการสูญเสียน้ำออกจากร่างกายเรื่อยๆ
การดูดกลับของสารที่ไตเกิดขึ้นโดยอาศัย 2 กระบวนการ คือ
- ACTIVE TRANSPORT เป็นการดูดกลับของสารที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย เช่น กลูโคส วิตามิน กรดอะมิโน ฮอร์โมน และอิออนต่างๆ
- OSMOSIS เป็นการดูดกลับของน้ำ
ที่มา : http://www.konmun.com/Article/id3939.aspx
ตอบ 2.
อธิบายข้อสอบ โดยปกติวัยผู้ใหญ่จะถ่ายปัสสาวะประมาณวันละ 4-6 ครั้ง ทั้งนี้เกี่ยวเนื่องกับความจุของกระเพาะปัสสาวะ ที่วัยผู้ใหญ่จะจุประมาณ 300-400 ซีซี และในสภาพการดื่มน้ำตามปกติ ดังนั้นหากกระเพาะปัสสาวะเล็ก เช่น หลังการอักเสบหรือหลังการฉายรังสี หรือกรณีที่ผู้ป่วยดื่มน้ำมาก หรือปัสสาวะมากจากโรคอื่น เช่น เบาหวาน ก็อาจจะทำให้ปัสสาวะบ่อยได้ แต่การบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ กรณีของ OAB การถ่ายปัสสาวะบ่อย มักเกิดจากการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะก่อนถึงเวลาที่สมควร ซึ่งในสภาวะปกติกระเพาะปัสสาวะจะบีบตัว ต่อเมื่อถ่ายปัสสาวะเท่านั้น ในปัจจุบันเราถือว่า หากถ่ายปัสสาวะมากกว่าวันละ 8 ครั้งถือว่าผิดปกติ ในสภาพการดื่มน้ำตามปกติ
ที่มา : http://www.yourhealthyguide.com/article/aw-overactive-bladder.html
ตอบ 3.
อธิบายข้อสอบ การวิจัยล่าสุดของ "คลีฟแลนด์คลินิก" นำโดยเดนนิส แอล สเปรชเชอร์ ระบุว่าการดื่มน้ำส้มวันละ 2 แก้ว ช่วยลดความดันโลหิตได้ จากการ ทดสอบในคนไข้โรคหัวใจ 25 รายที่มีอาการเส้นเลือดอุดตันเป็นบางส่วน ซึ่งทุกคนได้รับการรักษาด้วยการรับประทานยาแก้ความดัน แต่ระดับความดันก็ยังคงสูงอยู่ ในช่วงสองสัปดาห์แรก พวกเขาดื่มเครื่องดื่มรสส้มที่มีส่วนผสมของวิตามินซีวันละ 2 แก้ว ระดับความดันลดลงเล็กน้อยสองสัปดาห์ต่อมาดื่มน้ำส้ม (ที่ไม่ใช่จากน้ำส้มเข้มข้น) ความดันลดลงอีกเล็กน้อย อีกสองสัปดาห์ถัดมาพวกเขาดื่มน้ำส้มละลายกับวิตามินซี และในสองสัปดาห์สุดท้าย ดื่มน้ำส้มละลายกับวิตามินซีและอี และในสองสัปดาห์สุดท้ายดื่มน้ำส้มละลายกับวิตามินซีและอี หลังสิ้นสุดการทดสอบในสองอาทิตย์สุดท้ายคนไข้ส่วนใหญ่มีระดับความดันโลหิตใน ระดับปกติ ซึ่งจากการทดสอบกับผู้ป่วยทำให้สามารถเห็นระดับความดันเล บือดที่ลดลงได้อย่างชัดเจน แม้ว่าจะลดลงเพียงเล็กน้อยก็ตาม อย่างไร ก็ตามนักวิชาการทางด้านโรคหัวใจและหลดเลือดได้กล่าวว่า การค้นพบในครั้งนี้มิใช่การออกมาบอกให้ทุกคนหันมาดื่มน้ำส้มวันละ 2 แก้ว แต่คนไข้ที่พฤติกรรมการบริโภค เพราะมีแหล่งข้อมูลที่น่าสนใจกล่าวว่าการบริโภคอาหาร การควบคุมน้ำหนัก ตลอดจนการดูแลระดับแอลกอฮอล์และระดับเกลือในร่างกายนั้นถือว่ามีความสำคัญ และมีผลกระทบมากกว่าการรักษาทางการแพทย์เสียอีก นักวิชาการยังได้ กล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่าความแตกต่างเพียงเล็กน้อยของความดันโลหิตนั้น สามารถสร้างความแตกต่างเพียงอย่างใหญ่หลวงต่อความเสี่ยงของโรคหลอดเลือด หัวใจได้ และเช่นกันกับผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ซึ่งไม่ควรพอใจกับการควบคุมที่เป็นเหตุเป็นผลเท่านั้นหากควรมุ่งไปยังเรื่อง ของความดันโลหิตเป็นสำคัญด้วย
ที่มา : http://www.samsenvilla.com/whatNew.php?newsID=109&page=all
ตอบ 1.
อธิบายข้อสอบ
ลักษณะอาการของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อไวรัส ( symptoms of viral diseases in plant ) |
ลักษณะอาการที่เกิดจากเชื้อไวรัสแบบทั่วไปทั้งต้นเรียกว่า systemic symptom เนื่องจากไวรัสแพร่กระจายไปทุกส่วนของพืช สำหรับลักษณะอาการแบบเฉพาะที่ เรียกว่า local symptom ลักษณะอาการทั่วไปของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อไวรัสคือ การลดลงของขนาดพืช ส่วนยอดของพืชอาจไหม้และส่วนของใบอาจมีสีเหลืองซีดหรือเป็นจุดสีเหลืองซีดหรือจุดสีน้ำตาล หรือเป็นรอยจุดด่างเป็นดวงๆ( ring spot ) หรือเป็นรอยขีด( streak ) ใบพืชอาจจะเสียรูปร่างไปเพียงเล็กน้อย ใบเป็นคลื่น หรืออาจจะเสียรูปร่างไปจนไม่เหลือลักษณะเดิม ความรุนแรงและลักษณะอาการของโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งจะผันแปรไปได้ด้วยปัจจัยต่างๆ เช่น ชนิดและอายุของพืช สภาพแวดล้อมก่อนเกิดการติดเชื้อ( infection ) และในระหว่างที่มีการพัฒนาของโรค และความผันแปรในตัวของเชื้อไวรัสเอง ความผันแปรในตัวเชื้อไวรัสชนิดใดชนิดหนึ่งสามารถตรวจสอบได้จากความแตกต่างในเรื่องของ ความสามารถในการก่อให้เกิดโรคกับพืชชนิดต่างๆ ลักษณะอาการของโรคที่เกิดขึ้นในต้นพืช และการถ่ายทอดเชื้อโรคโดยแมลงว่าเป็นแมลงชนิดใด ซึ่งความผันแปรนี้ก่อให้เกิดการแบ่งชนิดของไวรัสเป็น strain |
ที่มา : http://www.jobpub.com/articles/showarticle.asp?id=2404
1. ทำครบตามที่กำหนด ข้อละ 2 คะแนน ถ้ามีแต่โจทย์ไม่วิเคราะห์ให้ข้อละ 1 คะแนน
ตอบลบ2. มีเฉลยให้ข้อละ 1 คะแนน
3. บอกที่มาของแหล่งข้อมูล ให้ 2 คะแนน( URL)
4. วิเคราะห์ข้อมูล สืบค้นได้ตรงประเด็นให้คะแนนตั้งแต่ 1 - 5 คะแนนตามความเหมาะสม
5. ลงคะแนนเต็ม 120 คะเเนน ได้คะเเนน 110 คะเเนน
หลักเกณฑ์การให้คะแนน ข้อละ 10 คะแนนแยกรายละเอียด ดังนี้
ตอบลบ1. ทำครบตามที่กำหนด ข้อละ 2 คะแนน ถ้ามีแต่โจทย์ไม่วิเคราะห์ให้ข้อละ 1 คะแนน
2. มีเฉลยให้ข้อละ 1 คะแนน
3. บอกที่มาของแหล่งข้อมูล ให้ 2 คะแนน( URL)
4. วิเคราะห์ข้อมูล สืบค้นได้ตรงประเด็นให้คะแนนตั้งแต่ 1 - 5 คะแนนตามความเหมาะสม
5. ลงคะแนนรวมที่ได้ลงในช่องแสดงความคิดเห็นใต้เพจกิจกรรมแต่ละสัปดาห์
คะแนนเต็ม 120 คะแนน
ใหคะแนนตัวเอง = 120 คะแนน